Click to skip the navigation bar
หน้าหลัก > บล็อก > Load Balance คืออะไร? เหมาะกับออฟฟิศขนาดไหน

Load Balance คืออะไร? เหมาะกับออฟฟิศขนาดไหน

โดย phiradet.chuainukool

Load Balance คืออะไร? เหมาะกับออฟฟิศขนาดไหน

เน็ตไม่ล่ม งานไม่สะดุด ไม่พลาดทุกโอกาสทางธุรกิจ ต้องรู้จักกับ Load Balance เลย

อินเทอร์เน็ต หัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในโลกยุคดิจิทัลที่จะขาดไปไม่ได้เลย เพียงแค่ความเสถียรและความเร็วของอินเทอร์เน็ต ก็ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงาน และความต่อเนื่องของการทำธุรกิจแล้ว

แต่หากวันหนึ่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตเกิดล่มขึ้นมา ในระหว่างการประชุมตัดสินใจทางธุรกิจครั้งสำคัญ ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกเสี้ยววินาที คุณจะทำอย่างไร?

 

ทำความรู้จักกับ Load Balance ระบบที่สำคัญสำหรับออฟฟิศมากกว่าที่คิด

Load Balance คือ ระบบกระจายปริมาณข้อมูลที่เข้ามาในเครือข่าย ไปยังอินเทอร์เน็ตหรือไปสู่เซิร์ฟเวอร์หลายๆ เส้นทางอย่างสมดุล เพื่อลดความหนาแน่นของการรับส่งข้อมูลที่เกิดขึ้นในเส้นทางเดียว เปรียบเสมือนตัวกลางที่ช่วยแบ่งเบาภาระในเครือข่าย ป้องกันปัญหาอินเทอร์เน็ตล่ม หรือเครือข่ายพังทั้งระบบ

โดย Load Balance สามารถบริหารจัดการการใช้เน็ตจากหลายช่องทางได้พร้อมกัน เช่น ใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการมากกว่า 1 ราย หรือเชื่อมต่อผ่าน WAN หลายเส้นทาง เพื่อเป็นแผนสำรองในกรณีที่เส้นใดเส้นหนึ่งเกิดปัญหา และช่วยลดภาระของระบบใดระบบหนึ่งที่อาจทำงานหนักเกินไป

อุปกรณ์ Load Balancer จึงมีส่วนอย่างมากในการทำให้ระบบเครือข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร สามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีผู้ใช้งานหรือปริมาณข้อมูลจำนวนมากที่ไหลเข้ามาพร้อมๆ กัน

 

Load Balance สำคัญสำหรับองค์กรธุรกิจต่างๆ ในปัจจุบันมากแค่ไหน?

  1. ป้องกันปัญหาอินเทอร์เน็ตล่ม หากสำนักงานมีอินเทอร์เน็ตเพียงเส้นเดียว เมื่อเกิดปัญหาเน็ตล่ม หรือสัญญาณขัดข้องชั่วคราว ทุกระบบที่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ต เช่น ระบบขายตั๋ว, ระบบจองคิว, ศูนย์บริการลูกค้า, ระบบข้อมูลคนไข้ในโรงพยาบาล, การรับ-ส่งอีเมล, การประชุมออนไลน์, การจัดเก็บข้อมูลสู่ระบบ Cloud ไปจนถึงการทำงานของระบบ Software ต่างๆ ก็จะหยุดชะงักทั้งหมดพร้อมกันในทันที การมี Load Balance จะเพิ่มขีดความสามารถในการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจากหลายๆ ผู้ให้บริการ และหากเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งล่มลง ระบบจะสลับไปใช้เส้นทางสำรองทันทีโดยอัตโนมัติ ทำให้ทุกระบบที่ต้องออนไลน์ จะยังคงสามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างราบรื่น แม้มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเส้นหนึ่งล่มไป ช่วยให้ธุรกิจดำเนินการต่อได้อย่างไม่สะดุด
     
  2. เพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพการทำงาน เมื่อมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวนมากพร้อมกัน เครือข่ายมักมีความหนาแน่นเพิ่มสูงขึ้น และเกิดภาระงานกระจุก ส่งผลให้อินเทอร์เน็ตช้า โหลดไฟล์งานไม่ขึ้น ไปจนถึงการประชุมออนไลน์กระตุกเป็นระยะๆ ซึ่งถือเป็นอุปสรรคใหญ่ของการทำงาน โดยเฉพาะหากเป็นงานประชุมสำคัญที่ต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่ตลอดเวลา Load Balance สามารถกระจายภาระการใช้งานได้อย่างเหมาะสม ผ่านการรวมความเร็วของอินเทอร์เน็ตจากหลายเส้นทาง ช่วยเพิ่ม Bandwidth โดยรวม ทำให้การทำงานที่ต้องใช้ระบบเครือข่าย เช่น การประชุมผ่านระบบ Video Conference หรือ การรับ-ส่งข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในภาพรวมได้อย่างรอบด้าน
     
  3. รองรับการเติบโตขององค์กร เมื่อธุรกิจขยายตัว ทรัพยากรด้านเครือข่ายก็จะขยายขนาดโครงสร้างเครือข่ายในสำนักงานไปด้วยเช่นกัน Load Balance สามารถบริหารจัดการเครือข่ายหลายเส้นทางพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับปริมาณทราฟฟิกที่มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องระบบอินเทอร์เน็ตจะล่ม นอกจากนี้ Load Balance ยังรองรับรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid ที่ต้องพึ่งพาการรับ-ส่งข้อมูลผ่านระบบคลาวด์ ช่วยให้การเชื่อมต่อกับ Cloud ในสถานที่ทำงานมีความลื่นไหล มีเสถียรภาพ แม้จะมีพนักงานทำงานจากที่บ้าน หรือออกไปทำงานนอกสถานที่ก็ตาม
     
  4. ช่วยประหยัดต้นทุนในระยะยาว แม้การติดตั้งระบบ Load Balance จะมีค่าใช้จ่าย แต่หากเทียบกับข้อดีที่ตามมา เช่น ความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจ ลดปัญหาเน็ตขัดข้อง ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดขายลดลง การให้บริการหยุดชะงัก การสื่อสารกับลูกค้าติดขัด หรือพลาดโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ การลงทุนนี้ถือว่าคุ้มค่า และช่วยป้องกันความเสียหายได้ในระยะยาว Load Balance จะช่วยคงความต่อเนื่องในการทำงานได้อย่างมั่นคง ไม่ต้องกังวลว่าเครือข่ายจะหยุดชะงัก หรือเซิร์ฟเวอร์จะล่ม ซึ่งอาจส่งผลโดยตรงต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจและภาพลักษณ์ขององค์กร
     
  5. เสริมความปลอดภัยให้เครือข่าย อุปกรณ์ Load Balance รุ่นใหม่ๆ มีฟีเจอร์เสริมด้านความปลอดภัยในตัว เช่น Firewall หรือ VPN ในตัว ช่วยป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์จากผู้ไม่ประสงค์ดีภายนอก ส่งเสริมการสร้างระบบเครือข่ายที่ปลอดภัยให้แก่องค์กรธุรกิจ

 

Load Balance เหมาะกับออฟฟิศขนาดไหนบ้าง?

หลายคนอาจคิดว่า Load Balance มีไว้สำหรับองค์กรบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ความจริงแล้วออฟฟิศทุกขนาดล้วนได้รับประโยชน์จาก Load Balance

  • ออฟฟิศขนาดเล็กที่มีอินเทอร์เน็ตหลายเส้นทาง: แม้จะมีพนักงานไม่มาก แต่หากมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำรอง (Backup Line) หรือใช้บริการอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการหลายเจ้า Load Balance จะช่วยสลับเส้นทางอัตโนมัติ เมื่อตัวใดตัวหนึ่งเกิดมีปัญหาขัดข้อง
     
  • ออฟฟิศขนาดกลางที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา: องค์กรธุรกิจที่มีระบบ Cloud, การประชุมออนไลน์, ระบบ ERP หรือ การเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านออนไลน์ Load Balance จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพ ลดปัญหาระบบล่มกลางคัน
     
  • องค์กรขนาดใหญ่ หรือศูนย์ข้อมูล: ธุรกิจที่มีระบบโครงสร้างเครือข่ายที่ซับซ้อน หรือศูนย์ข้อมูลที่ให้บริการลูกค้าจำนวนมาก จำเป็นต้องมี Load Balance เพื่อรองรับปริมาณการเข้าถึงที่สูง และลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักของระบบในช่วงเวลาฉุกเฉิน

 

ตัวอย่างสถานการณ์ที่ Load Balance ช่วยให้ธุรกิจรอดจากวิกฤตเน็ตล่ม

หากคุณยังมองไม่เห็นภาพความสามารถของ Load Balance ต่อไปนี้คือสถานการณ์ของบริษัท A ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีพนักงานประมาณ 200 คน ต้องใช้ระบบ Cloud ในการทำงาน มีการประชุมผ่านระบบ Video Conference กับลูกค้าหลายๆ เจ้าเป็นประจำ 

ก่อนหน้านี้บริษัทใช้อินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเพียงรายเดียว แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเกิดปัญหาเน็ตล่มนานกว่า 6 ชั่วโมง ส่งผลให้พนักงานทั้งหมดไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ลูกค้าไม่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ และการประชุมสำคัญมีความจำเป็นต้องเลื่อนออกไป สร้างความเสียหายอย่างมากให้แก่ธุรกิจ และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถืออย่างเห็นได้ชัด

หลังจากตัดสินใจเพิ่มระบบ Load Balance ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจาก 3 เส้นทาง ได้แก่ อินเทอร์เน็ตสาย Fiber จากผู้ให้บริการ 2 เจ้า และอินเทอร์เน็ต 5G Router สำรอง ซึ่งหากเส้นใดเส้นหนึ่งมีปัญหา ระบบจะสลับไปยังเส้นทางอื่นทันที จึงไม่กระทบต่อการทำงานแม้แต่วินาทีเดียว ปัจจุบันบริษัทสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัญหากับเครือข่ายบางเส้นก็ตาม 

จะเห็นว่า Load Balance ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีช่วยเสริมการทำงานของระบบเครือข่ายที่ใช้ในองค์กร แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับองค์กรยุคใหม่ ที่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อของระบบอินเทอร์เน็ตในทุกช่วงเวลา และไม่สามารถปล่อยให้อินเทอร์เน็ตล่มได้แม้แต่วินาทีเดียว

หากองค์กรของคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มเสถียรภาพให้แก่ระบบเครือข่าย ต้องการคงความเร็วของอินเทอร์เน็ต แม้จะมีการใช้งานจำนวนมาก และอยากลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาเน็ตล่มในธุรกิจ Load Balance คือคำตอบที่จะช่วยให้ทุกงานเดินหน้าได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด พร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างมั่นคง

 

กำลังมองหาแนวทางการเพิ่ม Load Balance ให้กับสำนักงานคุณอยู่ใช่ไหม?

TP-Link ผู้นำด้านอุปกรณ์เครือข่ายระดับโลก ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ Omada Gigabit VPN Router Load Balance ที่เหมาะสำหรับออฟฟิศทุกขนาด ตัวช่วยยกระดับระบบเครือข่ายขององค์กร ให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ มั่นใจได้ว่าธุรกิจของคุณจะเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุดในทุกย่างก้าวสำคัญ!

Omada Gigabit VPN Router จาก TP-Link ไม่เพียงช่วยป้องกันปัญหาอินเทอร์เน็ตล่มเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียโอกาสสำคัญทางธุรกิจ และรองรับการทำงานในรูปแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น มาพร้อม Omada SDN บน Load Balance เพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการจากระยะไกล จัดการได้อย่างสะดวกและไม่ยุ่งยาก ให้คุณควบคุมทั้งหมดบนอินเทอร์เฟซเดียว ได้จากทุกสถานที่ และทุกเวลาที่ต้องการ

ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญ TP-Link เพื่อขอคำแนะนำปรึกษาและข้อมูลเพิ่มเติม เลือกผลิตภัณฑ์ Load Balance ที่เหมาะกับการใช้งานสำหรับคุณมากที่สุด เพื่อความคุ้มค่า และความมั่นใจที่เหนือกว่า

 

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ระบบ Load Balance จาก TP Link และติดตามข้อมูลข่าวสารจาก TP-LINK ได้ที่

www.tp-link.com
Line : @tplink หรือ คลิกที่นี่
Facebook: facebook.com/tplinkth
YouTube: www.youtube.com/@TPLINK-TH

phiradet.chuainukool

บทความที่แนะนำ